นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ใน 3 ปีจากนี้ (ปี 67-69) จะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 30,000 ล้านบาท เบื้องต้นปี 67 จะใช้เงินลงทุน 10,000-13,000 ล้านบาท โดย 70% ใช้ในการปรับโฉมโรงแรมเพื่อเพิ่มมูลค่าราคาห้องพัก รวมถึงรีแบรนด์ไปสู่แบรนด์ที่เป็นพรีเมียมมากขึ้นอีก 20-30 แห่ง และเพิ่มเป็น 50 แห่งใน 2 ปีข้างหน้า พร้อมกับขยายสาขาใหม่โดยเน้นรับจ้างบริหารไม่เน้นใช้เงินลงทุนเองจากสัดส่วน 18% เพิ่มเป็น 40% ตั้งเป้าหมายมีโรงแรมทั้งหมด 780 แห่งใน 2-3 ปี เพิ่มจากปัจจุบันมี 200-500 แห่งคำพูดจาก สล็อตแตกง่าย

ส่วนธุรกิจร้านอาหารจะใช้เงินลงทุน 30% เน้นขยายในต่างประเทศ อาทิ เอเชีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย จีน และอินเดีย เบื้องต้นใช้แบรนด์แดรี่ควีนขยายในอินโดนีเซียเพิ่มอีก 10 เท่าตัวใน 2-3 ปี จากปัจจุบันมี 19 สาขา รวมถึงนำแบรนด์ซิซซ์เล่อร์และกาก้าไปด้วย อีกทั้งขยายเดอะคอฟฟี่คลับ ซิซซ์เล่อร์ในเวียดนาม และขยายเดอะคอฟฟี่คลับ แดรี่ควีน เดอะพิซซ่าคอมปะนี ในอินเดีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ขยายเดอะพิซซ่าคอมปะนีในสิงคโปร์ ตั้งเป้าหมายใน 2-3 ปี มี 3,700 สาขา จากปัจจุบันที่มี 2,700 สาขา

“3 ปี ข้างหน้า บริษัทไม่เพียงจะเพิ่มส่วนของกำไรแต่จะเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเงินสดเพื่อนำมาใช้ในแผนการลดหนี้ โดยตั้งเป้าลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจาก 1.0 เท่า ณ สิ้นปี 66 เป็น 0.8 เท่าภายในสิ้นปี 67”

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานปี 66 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากปีก่อนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ จากธุรกิจการบริการและการท่องเที่ยวที่มีธุรกิจใน 63 ประเทศ โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการฟื้นตัวของการเดินทางในไทยและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทวีปยุโรป ซึ่งเห็นได้จากไตรมาส 4 ที่ปี 66 มีกำไรสูงถึง 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77%คำพูดจาก เว็บปั่นสล็อต