นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร. เตรียมทำหนังสือถึงนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในสัปดาห์นี้ ขอให้ชะลอปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที งวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 66) ให้เก็บอัตราค่าไฟฟ้าเดิม 4.72 บาทต่อหน่วยไปก่อน เนื่องจากค่าไฟฟ้าของไทย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ค่าไฟอยู่ที่ 2.88 บาทต่อหน่วย หากไทยยิ่งปรับขึ้นไปเกิน 5-6 บาทต่อหน่วย จะยิ่งบั่นทอนขีดความสามารถแข่งขันของประเทศมากยิ่งขึ้น  

“ตอนนี้เอกชนมีความกังวลในเรื่องค่าไฟอย่างมาก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม หลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังคววามเห็นปรับขึ้น 3 แนวทางคือค่าไฟเฉลี่ยจะเป็น 5.37 บาทต่อหน่วย 5.70 บาทต่อหน่วย และ 6.03 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ โดย กกร. มองว่า การปรับขึ้นค่าไฟจะเป็นการกระทบรุนแรงต่อค่าครองชีพและต้นทุนภาคธุรกิจที่จะเพิ่มขึ้น เป็นการซ้ำเติมที่ทั้งภาคผลิตและบริการกำลังจะฟื้นตัว ดังนั้นจึงจะทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าเอฟทีโดยให้คงค่าไฟเฉลี่ยไว้ที่ปัจจุบัน 4.72 บาทต่อหน่วย”

นอกจากนี้ กกรคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจปี 66 คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีจะขยายตัว 3-3.5% จากปี 65 ที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 3.2% การส่งออกขยายตัว 1-2% จากปี 65 ที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 7.25% และเงินเฟ้อ 2.7-3.2% จากปีนี้ 6.2% เนื่องจากได้รับการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน ภายใต้ข้อจำกัดของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามทิศทางตลาดโลกนั้น กกร. เห็นว่าควรจะปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อชะลอผลกระทบต่อภาคธุรกิจและลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีรายได้กลับมาไม่เต็มที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบมากสุด

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร. มีความกังวลค่าไฟที่จะปรับขึ้นในงวดใหม่ หรือ ม.ค.-เม.ย. 66 ที่มีการขึ้นต่อเนื่อง จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตและทำให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยให้มีโอกาสลดลงได้อีกจากปี 65 ที่ไทยถูกจัดอันดับขีดแข่งขัน ลดลง 5 อันดับมาอยู่ที่ 33 ของโลก เนื่องจากค่าไฟ หากเทียบกับคู่แข่งทางการค้า เช่น เวียดนาม พบว่า มีค่าไฟอยู่เพียง 2.88 บาทต่อหน่วยเท่านั้น ยังไม่รวมกับข้อได้เปรียบอื่นๆ ของเวียดนาม เช่น มีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอมากกว่าไทย ขณะเดียวกันค่าไฟที่เพิ่ม จะทำให้การดึงดูดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ของไทยลดความน่าสนใจลงอีกด้วย

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ยอมรับว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ จะเพิ่มขึ้นตามทิศทางของการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ขณะนี้อยู่ที่ 1.25% ซึ่งลูกหนี้กลุ่มเปราะบางกว่า 3 ล้านรายทุกภาคส่วน ยังคงเดินหน้าจัดมหกรรมแก้หนี้ทั่วประเทศ ที่ครั้งต่อไปจะเป็น จ.เชียงใหม่ และต้น ม.ค. จะเป็นที่ชลบุรีและหาดใหญ่